ในการออกไปพบปะผู้คน หรือแม้กระทั่งการขึ้นนำเสนอ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้สไลด์ และสไตล์การพูด ก็คือเรื่องของ Appearance หรือว่าเรียกสั้นๆว่า Look ครับ การแต่งกาย หลายคนคงรู้แล้วว่ามีผลมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่มี Chart ของ "สีเสื้อมงคล" ติดไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า จะหยิบจะจับอะไรออกมา ก็ดูจะกังวลไปซะหมด ว่ามันจะดีจริงมั้ย มันจะได้ตามนั้นมั้ย
ในความเป็นจริงแล้ว การ "นำเสนอตัวเอง" ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการนำเสนอนะครับ เพราะว่าในเชิงการรับรู้แล้ว สีแต่ละสีที่เราเลือกมา ล้วนมีผลต่อ "จิตวิทยา" มนุษย์ทั้งสิ้น ซึ่งเกิดขึ้นในทั้ง 2 ฝั่งนะครับ ทั้งฝั่งผู้ใส่ และฝั่งผู้พบเห็น มันสามารถส่งพลัง "ทั้งบวกและลบ" ได้อย่างน่าเหลือเชื่อด้วยครับ ดังนั้น วาง "สีมงคล" ลงก่อนนนนนน เค้าขอร้องง
หลายคนกลัวที่จะใส่สีสันต่างๆ เลยสร้างโลกเสมือนของ "ขาว เทา ดำ" เอาไว้ มันเลยอาจจะทำให้วันทั้งวันมีความหม่นหมองไปอยู่บ้างครับ ผมแนะนำว่าลองกลับไปค้นตู้เสื้อผ้าดูอีกครั้ง หรือทำไปด้วยกันระหว่างอ่านคอนเท้นท์นี้ไปด้วยก็ได้ครับ หรือถ้าอยู่ในห้างก็หาซื้อใหม่ซักตัวสองตัวก็ได้ครับ (ถ้า สถานภาพทางการเงินเอื้ออำนวย) งั้นลองมาดูกันเลยดีกว่า ว่า "แต่งตัวสีไหน เมื่อไหร่ดี" ครับ
เริ่มต้นกันด้วย สีแดง แรงฤทธิ์ที่หลายคนไม่กล้าใส่ เพราะมันเป็นสีโทนร้อนที่สะท้อนถึงพฤติกรรมอันสุด Active ครับ ..ในความเป็นจริงแล้ว สีแดงมีหลายโทนให้เลือกใส่ได้ ทั้งแดงสดๆแบบนี้ หรือว่าจะเป็นแดงเข้ม แดงไวน์ แดงแตงโม แดงดอกกุหลาบ ซึ่งล้วนมีสีแดงเป็นองค์ประกอบหลักๆครับ
การใส่สีแดง ให้ผลในเชิงบวกคือ เรื่องของพลังงาน ความตื่นเต้น แรงกระตุ้น ความอบอุ่น (หรือเร่าร้อน) บางศาสตร์เชื่อว่า การสวมใส่ชั้นในสีแดง ทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานได้ดีด้วยนะครับ (เอ้า... ลองดู) ในขณะเดียวกัน สีแดงอาจถูกตีความในเรื่อง ความก้าวร้าว รุนแรง การเรียกร้อง ความไม่อดทน ได้ด้วยครับ
ใส่เมื่อไหร่ถึงดี: เวลาต้องโดดเด่น ต้องการเป็นที่สนใจ ต้องการมีพลังและควบคุมทุกอย่างได้ และ....ใส่วันตรุษจีน ดี!!! (ไหนบอกจะไม่พูดเรื่องสีมงคล)
ไม่ควรใส่เมื่อไหร่: เวลาต้องทำงานกับเด็ก (เพราะอาจเป็นการกระตุ้นมากเกินไป) เวลาพบผู้ใหญ่ ครับ
ถ้าจะพูดให้ถูก สีชมพูก็คือสีแดงที่ถูกเจือจางด้วยขาวมาแล้วครับ อาจจะมีการเพิ่มเนื้อสีอื่นๆ เช่น เหลือง ส้ม หรือม่วงเข้าไปนิดหน่อย เพื่อให้มันมีความหลากหลายมากขึ้นครับ สีชมพูมักจะถูกให้เป็นสีของ "เพศหญิง" (ในขณะที่สีฟ้า หรือน้ำเงิน ให้ความหมายเป็นเพศชายมากกว่า) ครับ
การใส่สีชมพู ให้ผลในเชิงบวกคือ ให้ความรู้สึกนุ่มนวล อบอุ่น ความอ่อนโยน ความเมตตา แต่ในขณะเดียวกันมันสามารถให้ความหมายถึง ควาบอบบาง ความอ่อนแอ การหมดเรี่ยวหมดแรงได้ครับ
ใส่เมื่อไหร่ถึงดี: สีชมพูแบบอ่อนๆ ใช้ได้ดีเมื่อต้องทำงานที่เกี่ยวกับเด็กครับ
ไม่ควรใส่เมื่อไหร่: ในขณะเดียวกัน สีชมพูที่มีความอมม่วง (บางตำราเรียกว่า ชมพูโทนเย็น) จะให้ความรู้สึกที่แข็งกระด้าง ถ้าต้องทำงานที่เกี่ยวกับการดูแล หรืองานที่เกี่ยวกับเด็กครับ
สีเหลืองเป็นสีที่มีความสว่างมากครับ และยังมีได้หลากหลาย Shade สีด้วยกัน ทั้งเหลืองสด เหลืองซีดๆ หรือเหลืองแบบเข้มๆคล้ายๆสีน้ำตาล หรือคาราเมล สีเหลืองมักให้ผลทางจิตวิทยาโดยเชื่อมโยงไปยังเรื่องการควบคุมอารมณ์เป็นหลักครับ
การใส่สีเหลือง ทำให้เกิดความรู้สึกสดใสแก่ผู้พบเห็น ความร่าเริ่ง กะปรี้กะเปร่า การมองโลกในแง่ดี ความมั่นใจในตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน สีเหลืองอาจให้ความรู้สึก "ความเป็นเด็กมากเกินไป" ความไม่มีเหตุผล ความกังวลด้วยครับ ซึ่งการใช้สีเหลืองในปริมาณมากเกินไป จะส่งผลในเชิงการกระตุ้นประสาทมากเกินไปด้วยครับ
ใส่เมื่อไหร่ถึงดี: เวลาต้องการความสดใส ในวันที่ต้องการกำลังใจมากๆ หรือในวันที่ฟ้าหม่นๆสีเหลืองช่วยได้
ไม่ควรใส่เมื่อไหร่: ในสถานการณ์ที่จริงจัง และคุณไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนไม่จริงจัง เวลาที่ไม่ต้องการให้คนอื่นพุ่งความสนใจมาหาเราครับ
สีส้มเป็นผลผลิตจากการผสมสีแดงกับสีเหลืองเข้าด้วยกันครับ ซึ่งปริมาณต่างๆของสีแดงและเหลือง ก็สามารถเสกให้สีส้มนั้น มีได้หลากหลายสีด้วยกัน ทั้งส้มแบบปลาแซลมอน ส้มแบบดอกเบญจมาศ หรือส้มแบบไข่แดงก็ใช่ครับ
การใส่สีส้มสามารถทำให้เกิดความหมายของความร่าเริง สนุกสนาน เบิกบาน อย่างกับเจ้าขุนทองตอนเจ็ดโมงเช้า นอกจากนี้ยังมีความหมายของความอุดมสมบูรณ์ ที่อยู่อาศัย และ "ความสุขทางเพศด้วยครับ" แต่ในขณะเดียวกัน สีส้มยังให้ความหมายถึง ความไม่รู้จักโต ความหงุดหงิด ได้อีกด้วยครับ
ใส่เมื่อไหร่ถึงดี: เมื่อต้องการความร่าเริงสดใสในชีวิต เมื่อต้องการสร้างความ "เข้าถึงง่าย" ก็ใช้สีส้มครับ
ไม่ควรใส่เมื่อไหร่: เมื่อคุณต้องการดู "จริงจัง" ไม่ควรใช้ครับ
สีน้ำตาลเป็นสีที่เราเจอได้บ่อยมากๆ ในชีวิตประจำวันครับ ทั้งกาแฟ ช็อกโกแลต เครื่องหนัง ต่างๆ แม้กระทั่งสีน้ำตาลที่จางลงมาเป็นสีครีม ฝักวนิลลา ผิวต้นไม้ และผิวหนังของเราด้วย ทำให้เรามีความคุ้นชินกับสีน้ำตาลได้ง่ายมากๆครับ
การสวมใส่สีน้ำตาล ทำให้คุณดูอบอุ่น ปลอดภัย เชื่อมโยงกับธรรมชาติได้ง่าย (รักเด็ก รักสัตว์ ปลูกต้นไม้เป็นงานอดิเรก) มีความน่าไว้ใจ จริงจัง การสนับสนุน แต่ในขณะเดียวกัน สีน้ำตาลทำให้เกิดความรู้สึก ไม่มีอารมณ์ขัน ซีเรียส ก็เป็นได้ครับ
ใส่เมื่อไหร่ถึงดี: เวลาต้องการความหนักแน่น บอกว่า "เราจริงจัง" ก็ใช้ได้ครับ
ไม่ควรใส่เมื่อไหร่: ถ้าต้องการ "พลังงาน" ต้องการความฉับไว รวดเร็ว ไม่แนะนำครับ
สีน้ำเงิน ดูเหมือนจะเป็นสีโปรดของใครหลายคนครับ เพราะด้วยความรู้สึกว่า มันสามารถใช้ได้ในหลากหลายโอกาส ทั้งทางการและไม่ทางการ นอกจากนี้ ความพิเศษของสีน้ำเงินคือ มีความหลากหลายสูงครับ ตั้งแต่น้ำเงินเข้มๆแบบ Navy Blue ไปจนถึงฟ้าจางๆอย่าง Baby Blue ก็ล้วนแต่เป็นอนุพันธ์ของสีน้ำเงินครับ
การใส่สีน้ำเงิน หรือฟ้า สามารถสร้างพลังงานใเชิงการจดจ่อ การมีสมาธิ จิตใจที่สงบนิ่งได้ครับ แต่ในขณะเดียวกัน มันสามารถให้ความรู้สึกเย็นชา ห่างเหิน และความไม่เป็นมิตรได้เช่นกันครับ
ใส่เมื่อไหร่ถึงดี: ใช้สีฟ้า หากต้องการให้ดูเข้าถึงง่าย ดูเป็นมิตร อ่อนโยนครับ ในขณะที่สีน้ำเงินเข้มสามารถทำให้คุณดู "ทรงภูมิ" ได้ครับ
ไม่ควรใส่เมื่อไหร่: หากต้องการสร้างความร่วมมือ ความผูกพันในทีม ไม่ควรใช้ครับ เพราะมันมีความเย็นชาอยู่ในสีด้วยครับ
มาถึงสีที่ไม่ค่อยกินเส้นกับผมบ้างครับ นั่นคือ สีเขียว ครับ สีเขียวเป็นส่วนผสมระหว่างสีน้ำเงินและสีเหลืองครับ ซึ่งในเชิงจิตวิทยาแล้ว สีเขียวถูกจัดให้เป็นอีก 1 สีหลักด้วยนะครับ สีเขียวก็มีหลาย Shade ด้วยกันครับ ตั้งแต่เขียวใบตอง เขียวสด เขียวขี้ม้า ไปจนถึงเขียวเข้มๆแบบชุดลายพรางด้วยครับ
การใส่สีเขียว (ห้ามพูดว่า ใส่เขียว เด็ดขาด เพราะมันจะติดเรท) ทำให้คุณและผู้พบเห็นมีความรู้สึกถึงความสมดุล กลมกลืน คงที่ คงเส้นคงวา ความมั่นใจ ความสงบ การฟื้นฟูครับ แต่ในขณะเดียวกันนั้น สีเขียวยังให้ความรู้สึกถึงความน่าเบื่อ ความทื่อ การหยุดนิ่งด้วยครับ
ใส่เมื่อไหร่ถึงดี: เมื่อต้องการให้เกิดบรรยากาศ "สบายๆ" ก็ใช้ได้ครับ หรือถ้าต้องการความ Active ก็ใช้เขียวมะนาวก็ได้อยู่ครับ (เขียวมะนาวสามารถเป็นสีที่ใช้เน้นได้ดีมากๆครับ)
ไม่ควรใส่เมื่อไหร่: ถ้าอยากให้บรรยากาศมีความ Active การใช้สีเขียวอื่นๆอาจจะดูไม่เหมาะครับ เขียวมะนาวพอได้อยู่ แต่....ถ้าใช้เขียวมะนาวมากเกินไป มันจะเป็นการกระตุ้นประสาทที่มากเกินไปเช่นกันครับ
สีสุดท้ายที่จะพูดถึงวันนี้คือ สีม่วง ครับ สีม่วงถ้าตามเนื้อสีแล้ว เป็นสีที่เกิดจากการผสมกันระหว่างสีน้ำเงิน และสีแดงครับ ซึ่งน้ำหนักของสีก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ม่วงจางๆ ไปจนถึงม่วงเกือบดำแบบมะเขือม่วงครับ
การใส่สีม่วง เป็นเรื่องของจิต ปัญญา ความนิ่ง ความคงแก่รู้ได้ครับ แต่ในขณะเดียวกัน สีม่วงสามารถให้ความรู้สึกแบบ คิดแต่เรื่องตัวเอง หมกมุ่น เก็บกด ความด้อยกว่า เป็นต้นครับ
ใส่เมื่อไหร่ถึงดี: เวลาที่ต้องการสมาธิ การจดจ่อกับอะไรบางอย่าง (หนังสือบางเล่มให้ใส่ตอนสวดมนต์นะครับ)
ไม่ควรใส่เมื่อไหร่: แต่....ถ้าใช้บ่อยเกินไป มันอาจจะทำให้ความน่าเชื่อถือ ลดลงได้ครับ
ตอนนี้ วางเรื่องสีมงคลไว้ก่อนครับ ลองสำรวจดูกันคร่าวๆว่าในตู้เสื้อผ้าของเรา ยังต้องการสีไหนเพิ่มบ้างรึเปล่า สีที่จะสามารถทำให้เรา "นำเสนอตัวตน" ได้ดี และมีความเป็นมืออาชีพ และยังสามารถสร้างพลังให้กับสถานการณ์ที่เราต้องการอีกด้วยนะครับ
เพราะผู้คนตัดสินเราไปแล้วตั้งแต่เวลาที่เห็นตัวเราครับ เรายังไม่ต้องพูดอะไรเลยก็ได้ แต่....การแต่งกายของเรามันพูดออกไปแล้วส่วนนึง ดังนั้น การนำเสนอ เริ่มต้นที่ตัวของทุกคนในทุกๆวันเลยนะครับ
ลองเอาไปใช้กันดูครับผม
หมอผี พรีเซนท์เทชั่น: พรีเซนท์ดี เหมือนผีบอก
PRACT - Presentation Academy Thailand